พริตตี้สาวเผยว่า “วันนี้เป็นวันสอบเสร็จวันสุดท้าย ฝั่งผู้ชายเขารู้จักกับทางเราอยู่แล้วประมาณ 2 เดือน วันนั้นเขาชวนเราไปทานข้าว คือเขาเคยจีบเลยจะชวนไปกินข้าวหลังสอบเสร็จ แต่เขาก็เป็นคนที่รู้จักกับเพื่อนในกลุ่มของเราด้วย สนิทกันในระดับหนึ่ง เราก็เลยไปกับเขา แต่เขาเซ้าซี้เรา วันนั้นตัวเขาดื่ม แต่หนูกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนหนึ่งไม่ได้ดื่ม วันนั้นเราดูท่าทางแล้วเขาเหมือนแล้วนักเลงนิดหนึ่ง เราไม่โอเคเลยจะขอกลับ ก็เกือบ 5 ทุ่มค่ะ”
“หนุ่ม”กรรชัยถามว่า ไม่ได้อยากจะมาตั้งแต่แรก?
พริตตี้สาวตอบว่า“ใช่ค่ะ มาเพราะเป็นรุ่นพี่ในคณะเราก็เกรงใจเขา พอเราบอกจะกลับเขาบอกว่าจะไปส่ง ออกแนวบังคับด้วยซ้ำว่าให้ขึ้นรถ จะกลัวอะไรหนักหนา เป็นพี่น้องกัน เดี๋ยวไปส่งได้ แล้วด้วยความที่ว่าเพื่อนเราก็ไว้ใจด้วยไง ก็เลยบอกว่าไปส่งเพื่อนด้วยนะ ถึงแล้วไลน์บอกด้วย เขามอเตอร์ไซค์ บิ๊กไบค์ค่ะ”
“หนุ่ม”กรรชัยถามว่า ระหว่างขึ้นรถ เขาโดนตัวเราไหม
พริตตี้สาวตอบว่า “ไม่มีค่ะ ขับปกติเลย จนผ่านซอยบ้านเรา คือบ้านไปทางเดียวกับบ้านเขา มันต้องผ่านซอยบ้านหนูก่อน บ้านหนูมันแค่ใกล้ๆ ร้านที่นั่งทานวันนั้น ประมาณ 2 กิโลค่ะ หนูไม่เคยไปบ้านเขามาก่อน ไม่เคยรู้มาก่อนเยว่าบ้านเขาอยู่ที่ไหน รู้แค่ว่ามันต้องผ่านตรงนี้ มันอยู่ใกล้บริเวณที่เราอยู่”
“หนุ่ม”กรรชัยถามว่า เขาขับรถเร็วไหม
พริตตี้สาวตอบว่า“พอผ่านซอยบ้านเราปุ๊บ เขาบิดเร็วเลยแล้วเราก็ตกใจมากตอนนั้น โวยวายอย่างเดียวเลยไหนบอกจะไปส่ง แล้วทำแบบนี้ได้ยังไง พ่อหนูรออยู่ หนูใช้คำว่าพ่อหนูรออยู่ตลอด เขาไม่ได้พูดอะไรเลยค่ะ ขับบิดแรงเลย เพื่อไม่ให้เรากระโดด เพราะเราก็โวยวายตลอด เขาไปถึงบ้านเขาเลย เป็นทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น เขาก็บังคับให้เราเข้าบ้าน แต่เราไม่ยอมหลัง จากนั้นเขาก็กระชากเราเข้าบ้านเลย หนูก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะโทรขอความช่วยเหลือแต่เขาหยิบกระเป๋าเราไว้ แล้วก็กระชากแขนเราเข้าบ้าน ตอนนั้นเราก็ตกใจในระดับหนึ่งแล้ว ไม่ไปส่งบ้านไม่พอ ยังกระชากเข้าบ้านอีก อันนี้มันไม่ใช่แล้ว”
“หนุ่ม”กรรชัยถามว่า พอเข้าบ้านแล้วเป็นยังไง
พริตตี้สาวตอบว่า“เราก็สู้แรงเขาไม่ไหวแต่ก็ขัดขืนตลอด เขาปิดประตูขังเราไว้เลย ตอนที่ไปไฟเปิดอยู่ แต่เข้าไปไม่มีใครอยู่ เราบอกว่าพี่ทำกับหนูอย่างนี้ได้ยังไง เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะ หนูจะกลับบ้าน พี่จะมาบังคับให้หนูอยู่ได้ยังไง พ่อหนูรออยู่ เขาก็บอกแล้วยังไงล่ะ ยังไงก็จะให้หนูอยู่ ตัวเขากันประตูอยู่ ก็มีปากเสียงกันซักพัก เขาก็อุ้มหนูขึ้นบันไดไปชั้น 2 เลยค่ะ เราก็ดิ้น
เราตกบันไดทั้งคู่ ตกใจมาก พอเดินได้ปุ๊บก็หยิบกระเป๋าจะไปเปิดประตูบ้านเลย เขาก็มากระชากเราออกจากประตู ประมาณชี้หน้าด่าเราว่าอย่าให้โมโหไปมากกว่านี้นะ จะยอมดีๆ ไหม ตอนนั้นเราตกใจ แต่ไม่คิดว่าเขาจะถึงขนาดใช้กำลัง เราก็แบบพี่หนูจะกลับบ้าน พ่อหนูรออยู่ พ่อโทรตามแล้ว
หลังจากนั้นเขาก็ตบเราเลย เราก็ร่วงลงไป ถอยหนี แล้วเขาก็ไปควานหามีดยาว ชี้ขู่เราประมาณว่ามึงจะยอมขึ้นดีๆ ไหม หรือว่าจะต้องให้เป็นหนักไปมากกว่านี้ เขากระชากแขนเราแล้วก็เขามีดจี้ระยะใกล้ๆ คอ แล้วก็เหวี่ยงให้เราหันหลังเดินขึ้นบันไดแล้วก็เอามีดจี้ที่หลังเรา ด้วยความกลัวก็เลยขึ้นบันไดไป ก็ขึ้นไปจนถึงชั้น 2 เขาเปิดประตูห้องแล้วก็ผลักเราเข้าไป เขาก็พยายามที่ข่มขืนเรา เราไม่ยอม เขาโมโหเลยบีบคอเราอย่างแรง เราก็ดิ้นจนตกจากตียง หัวไปฟาดกระจก เขา ตบ ต่อย และใช้เศษกระจกที่แตกมาขู่ให้เราขึ้นเตียงไป หนูก็ขึ้นเตียง”
“หนุ่ม”กรรชัยถามว่า แล้วหนีออกมาได้ยังไง
พริตตี้สาวตอบว่า“พอได้จังหวะหนูก็เปิดประตูห้องแล้ววิ่งลงไปข้างล่างเลย วิ่งออกไปจากบ้าน เขาวิ่งตามเรามาตลอด แต่มาติดตรงประตูรั้วด้านนอกที่ล็อกอยู่ หนูก็ตะโกนให้คนช่วย ช่วยหนูด้วยค่ะ เขาจะฆ่าหนู เขาจะข่มขืนหนู เขาวิ่งตามมาทันก็กระชากหนูกลับไปอีก กระชากหัวแล้วลากเรากลับเข้าไปในบ้านอีก เขาโมโหที่เราร้อง เขาบีบคิ้ว แล้วก็ต่อยๆ แล้วก็จับหัวเราโขกกับไม้สัก แล้วก็โขกกับตู้ข้างหลัง
ตอนนั้นก็เบลอแทบจะหมดสติอยู่แล้ว เขาก็บอกมึงจะขึ้นไปดีๆ ได้รึยัง ถ้ายอมดีๆ ตั้งแต่ทีแรกก็ไม่เป็นขนาดนี้ เราก็คลานไปตรงบันได เพราะเราจะไม่ไหวแล้ว แต่เฮือกสุดท้ายเราก็ยังร้องให้คนช่วยอยู่ เขาก็เข้ามาจับหัวหนูโขกไปกับขอบบันได แล้วบีบคอนานจนจะขาดอากาศหายใจ เหมือนเขาสติหลุดไปแล้ว หนูก็ไหว้เขา ตบแขนเขา เขาก็ไม่ปล่อย เราก็ไหว้เขาจนเขาปล่อย
แล้วเขาบอกว่ามึงพอเลยนะ มึงขึ้นไปดีๆ เลย ในใจตอนนั้นหนูคิดว่ายังไงหนูก็ตายแน่นอน ไม่ว่าจะโดนข่มขืนหรืออะไรก็ตาม หนูตายแน่นอน หนูก็เลยบอกว่าโอเค เดี๋ยวหนูจะขึ้นบันไดไปดีๆ เราวิ่งก็ขึ้นไปจนถึงห้อง แล้วก็ล็อคประตู มันเป็นแรงเฮือกสุดท้ายที่จะหนี หนูคิดว่ามีทางเดียว ทางสุดท้ายคือกระโดดออกมา”
“หนุ่ม”กรรชัยถามว่า ห้องนั้นมีระเบียงด้วย
พริตตี้สาวตอบว่า“ใช่ค่ะเราขึ้นไปรอบหนึ่งแล้วไง เราเห็นอยู่แล้ว เราคิดอยู่แล้วว่าทางสุดท้ายที่เราจะหนีเขาก็คือต้องกระโดดออกมา เข้าห้องปุ๊บเปิดประตูระเบียงหนูกระโดดไม่คิดอะไรเลย ยังไงก็ได้ขอให้รอดไปจากตรงนี้ ยอมตายดีกว่าให้มันมาทำอะไรเรา แล้วมันจะมีหลังคาลานจอดรถเราก็ข้าม เดินไปลงบ้านอีกหลังหนึ่ง แล้วก็เดินบนหลังคาไปบ้านอีกหลังหนึ่ง 3 บ้านค่ะ ก็เลยตัดสินใจกระโดดลงหลังคารถ บ้านที่มีรถจอดข้างล่าง รถเขาก็บุบค่ะ แต่ตอนนั้นเราไม่คิดอะไร เราต้องเอาตัวรอด อะไรก็ได้ เราต้องหนีให้ได้ ขาเหมือนจะไม่มีกำลังแล้ว ก็วิ่งสุดแรงเกิด วิ่งออกมาได้ไม่เท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงเขาวิ่งตามออกมา”
“หนุ่ม”กรรชัยถามว่า แล้วสรุปรอดออกมายังไง
พริตตี้สาวตอบว่า“พอเรารู้ว่าเขาวิ่งตามออกมา เราก็ร้องสุดเสียง ตะโกนให้คนช่วยแต่ตอนนั้นเราไม่เห็นใครสักคนเลย เขาก็มาลากเรา ก่อนจะลากเราเขาต่อยเราก่อนเพื่อให้เราหยุดร้อง เขาก็ลากเราไปจนถึงบ้านเขา เราก็กรี๊ดโวยวาย จนมีป้าคนหนึ่งพูดว่าใจเย็นๆ เขาเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ไปทำเขาแบบนั้นได้ยังไง เขาก็พูดประมาณว่าเรื่องของผัวเมีย
หนูก็เลยบอกว่าช่วยหนูด้วย แจ้งตำรวจให้ทีเขาจะฆ่าหนู จะข่มขืนหนู หนูไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเลย แล้วก็มีพี่ผู้ชาย 2 คนเดินเข้ามาเห็นจังหวะที่เขากำลังต่อยหนูพอดี เขาก็เข้ามาห้ามตัวเขาถึงได้หยุด และหนีออกมาได้ เราค่อยๆ คลานหนีไปกับพี่คนที่มาช่วยเรา เขาก็ยังไมได้เข้าบ้าน พยายามที่จะมาชิงตัวเราออกไปอยู่ดี ต้องขอบคุณพี่ผู้ชายที่เข้ามาช่วยไว้ เพราะเข่าก็จะเข้าไปต่อยผู้หญิงป้าคนนั้นที่เข้ามาตะโกนช่วยเราตอนแรกอยู่ดี ถ้าไม่ได้พี่ผู้ชาย 2 คนนี้ยังไงหนูก็ไม่รอดค่ะ”
“หนุ่ม”กรรชัยถามว่า แจ้งความหรือยัง
พริตตี้สาวตอบว่า “วันแรกเราก็ไปแจ้งความ แต่ สน. เขามีคดีเยอะ เราก็ยังงงว่าทำไมคนร้ายที่ทำเราขนาดนี้ปางตายเนี่ยให้เราไปรักษาตัวให้ดีก่อนค่อยแล้วค่อยกลับมาแจ้งความใหม่ เราบอกเขาว่าเราไหวนะเราจะขอแจ้งความเลย เขาไม่ยอมให้แจ้งประมาณนั้นค่ะ”
ที่มา https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_144782
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น